Custom Search

Monday, March 9, 2009

น้ำพริกสู้ชีวิต(จอห์น)






หลายคนคงจะเห็นด้วยเกิดเป็นคนก็ลำบากมากพออยู่แล้ว แต่หากเกิดเป็นคนไม่สมประกอบนั้นลำบากยิ่งกว่า ถึงแม้ ‘จอห์น-ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก’ เธอจะมีอวัยวะครบ 32 เหมือนคนปกติก็จริง แต่อดีตตลกร่างเล็กผู้นี้ก็มีรูปร่างที่ต่างแต่งจากคนทั่วไป เพราะเธอเกิดมากับความแคระแกรน จึงทำให้เธอขาดโอกาสหลายอย่างทางสังคม และครั้งหนึ่งในชีวิตเธอเคยมีพร้อมทั้งในด้านหน้าที่การงาน และครอบครัว
หลังจากที่เธอได้มีโอกาสเข้าไปเป็นสมาชิกคณะตลก “เหลือเฟือ มกจ๊ก” และได้ใช้ชีวิตกับสามี‘โจ้-สมชาย จันทรเจือ’ ตลกแคระคณะเดียวกัน และมีพยายานรักน้องเจนนี่ด้วยกันหนึ่งคน

แต่ชีวิตกลับพลิกผัน เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2547 โจ้เสียชีวิตจากเหตุปาหิน จากนั้นไม่นาน ปี 2549 เธอต้องสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียวเพราะอุบัติเหตุรถเหยียบ ทำให้จอห์นเสียสติแทบขาดใจ งานแสดงตลกไม่มีเพราะพิษเศรษฐกิจ ทำให้คณะมกจ๊กต้องยุบวง

หลังจากตั้งสติได้ จอห์น ฮึดสู้ด้วยการหันมาหาเลี้ยงชีพด้วยการตำน้ำพริกขาย ย่านรามคำแหง โดยเรามีโอกาสพูดคุยถึงชีวิตความเป็นมา ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปี ที่เธอต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง
“พี่มาขายน้ำพริกที่นี่มาตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา ครบวันเสียของลูกแล้ว 2 ปี ตอนนั้นไม่มีเงินทำบุญให้ลูกก็เลยมาขายของที่ตรงนี้ จากนั้นก็ขายมาเรื่อยๆ เพราะพี่ก็ตำน้ำพริกมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว”
ปกติขายน้ำพริกกระปุกเท่าไหร่
“ขายกระปุกละ 20 บาท ขายส่งกระปุกละ 15 บาท นานๆ ที ก็มีคนมารับไปขาย”

เมื่อก่อนเล่นตลกอยู่กับเหลือเฟือไม่ใช่เหรอ
“ไม่ได้เล่นนานแล้ว ตั้งแต่ลูกเสียพี่ก็ไม่ได้เล่นแล้ว เป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คณะก็เลยยุบ สมาชิกในคณะก็ต่างคนต่างอยู่คนละทิศคนละทาง พี่ก็ไม่รู้จะไปไหน อย่างก่อนหน้านี้พี่เหลือเฟือบอกว่าจะดูแล อาจจะเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจไม่ดี ต่างคนต่างย่ำแย่ เค้าก็เลยไม่ได้ดูแลเรา ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย”

ตอนนี้พี่จอห์นอยู่กับใคร
“อยู่คนเดียวแถวพุทธมณฑลสาย 4 ค่าเช้าห้องก็เดือนละ 1,200 บาท รวมค่าน้ำค่าไฟก็ 2,000 ส่วนเรื่องรายได้ก็ไม่แน่นอน แล้วแต่ช่วงขายดี-ไม่ดี”

ทำไมเดินทางมาขายไกลขนาดนี้
“ที่ตรงนี้คนเยอะก็เลยเลือกที่จะมาขายตรงนี้ มีเพื่อนที่มาขายด้วยกันคอยช่วยเหลือ”
มีหนี้สินบ้างมั้ย
“ก็มีหนี้สินที่เป็นหนี้รายวัน เกิดจากการนำเงินมาหมุนซื้อของทำน้ำพริก รายรับน้อยกว่ารายจ่าย เดี๋ยวสติ๊กเกอร์หมด เดี๋ยวถึง เดี๋ยวกระปุกหมด เงินก็หมุนไม่ทัน บางวันก็ไม่มีเงินจ่ายหนี้เค้าก็ขอผ่อนผันไปก่อน”
ลำบากมั้ย
“ลำบากค่ะ เพราะเราต้องสู้คนเดียว ทุกวันนี้ก็ต้องก็ต้องตื่นมาทำงานตี4 ทุกวัน ไปตลาดซื้อของมาทำน้ำพริก เดินทางมาขายของที่ม.รามฯ 9 โมง ถ้าวันไหนของเยอะก็นั่งแท็กซี่เอา บางวันก็นั่งรถเมล์ประหยัด บางทีก็ฝากของไว้ที่ห้างไว้เพราะถ้านั่งแท็กซี่ทุกวันก็ไม่ไหว”

พี่จอห์นอยากทำงานอย่างอื่นบ้างไหม
“ก็อยากนะแต่คงไม่มีโอกาสแล้วหล่ะ เพราะก็อายุมากแล้ว

มีคนมาช่วยเหลืออะไรบ้างมั้ย
“ไม่มีค่ะ ไม่กล้าโทรไปหาพี่เหลือเฟือพี่เค้าก็ไม่มีคณะแล้ว เราอยู่คนเดียวไม่อยากไปรบกวนพี่เค้าอีก เราไม่มีผลงาน พอหารายได้ก็ไม่อยากจะไปรบกวน”
ทางสมาคมตลกให้ความช่วยเหลือบ้างมั้ย
“ไม่มีเลย ตอนที่แฟน-ลูกเสีย เค้าบอกว่าจะช่วยก็ไปรับเงินก้อนหมื่นนึงเท่านั้นเอง เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะช่วยยังไง เพราะช่วงนั้นเราก็สับสนยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เค้าก็รู้ว่าเราขายของอยู่ตรงนี้แต่ก็ไม่เห็นมีใครแวะมาทักทายบ้างเลย”

ทางเพื่อนตลกรู้มั้ยว่าพี่จอห์นขายของอยู่ที่นี่
“รู้แต่ก็ไม่เห็นมีใครแวะมาทักทายหรือมาช่วยซื้อเลยค่ะ”

น้อยใจบ้างมั้ย
“ก็น้อยใจที่ว่าเราไม่มีผลงานแล้วเค้าก็ไม่ได้สนใจเรา ก็เหมือนทุกคนถ้ามีผลงาน เจ้านายก็รู้จักกันหมด ไม่ว่าศิลปินหรือใครก็ตามแต่ เราก็เหมือนคนโดนทอดทิ้ง”
ท้อมั้ย
“ก็ท้อบางทีนอนกลางคืนต้องใช้ยานอนหลับ ยาคลายเครียดช่วยให้นอนหลับได้ แต่เราก็ได้กำลังใจเวลาดูรูปแฟนรูปลูกสาวก็ช่วยได้บ้าง ถ้าว่างแล้วไม่เหนื่อยมากก็จะตื่นขึ้นมาตักบาตรทำบุญให้เค้า คิดถึงเค้าสุดๆ อธิฐานเกิดชาติหน้าฉันท์ใดขอให้อยู่ด้วยกันตลอดในครอบครัวของเรา ชาตินี้ทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ เค้าหมดกรรมหมดเวรก่อนเราแต่เรายังใช้กรรมอยู่”

มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตยังไงบ้าง
“เรามีกำลังใจสู้ อยากให้คนอื่นเค้ามองตัวเราขนาดนี้ยังสู้ได้ ก็อยากให้คนอื่นสู้เหมือนเราบ้าง อย่าท้อแท้ ซึ่งเราก็ได้รับกำลังใจจากหลายคนแม้กระทั่งคนที่มาซื้อของเรา เค้าก็บอกว่าให้สู้นะ อาชีพตรงไหนที่เราทำได้ก็ทำไปเลย พี่ทำได้หมด แต่ไม่เคยคิดจะไปขอทาน ถึงพี่จะเป็นคนแคระแต่ก็มีศักดิ์ศรีค่ะ” อดีตตลกแคระกล่าว

หากท่านใดต้องการอุดหนุนช่วยซื้อน้ำพริกนรก-แมงดา-ตาแดง สามารถติดต่อมาได้ที่ 08-4639-4530 (จอห์นสู้ชีวิต) ท่านใดสะดวกและอยู่ใกล้รามคำแหง หัวหมาก สามารถไปอุดหนุนน้ำพริกได้